การแลกเปลี่ยนก๊าซ (Gas exchange in animals)
1. เหงือก : อวัยวะสำหรับการแลกเปลี่ยนแก๊ซในสัตว์น้ำ
· มี gills (เหงือก)
เป็นอวัยวะในการแลกเปลี่ยนก๊าซ เหงือกมีลักษณะต่างๆ กันไปในสัตว์น้ำแต่ละชนิด
· ในสัตว์น้ำมีกระบวนการเรียกว่า การหล่อเลี้ยง/หรือระบายด้วยลม
(ventilation)
ซึ่งเป็นการเพิ่มการไหลเวียนของน้ำ (ซึ่งมี
O2 อยู่น้อย) ให้มากขึ้น ตัวอย่างไหลเวียนของน้ำผ่านเหงือกในปลา
· ในปลาน้ำที่ผ่านเหงือกจะมีทิศทางการไหลเวียนตรงข้ามกับทิศทาง การไหลของเลือดทำให้การถ่ายเอา O2 ออกจากน้ำได้ถึง 80 %
· ในปลาน้ำที่ผ่านเหงือกจะมีทิศทางการไหลเวียนตรงข้ามกับทิศทาง การไหลของเลือดทำให้การถ่ายเอา O2 ออกจากน้ำได้ถึง 80 %
2. ระบบท่อลม (tracheal systems) และปอดในสัตว์บก
· O2
และ CO2 มีการแพร่ได้รวดเร็วในอากาศ สัตว์บกจึงไม่จำเป็นต้องมีระบบการหล่อ เลี้ยงด้วยลม
(ventilation)
ในทางกลับกัน ปัญหาที่สำคัญของสัตว์บกคือ ต้องรักษาความชื้นในอวัยวะที่มีการแลกเปลี่ยนก๊าซ เนื่องจากว่ามีการเสียน้ำไปกับอากาศที่หายใจเข้ามาตลอดเวลา
2.1 ระบบท่อลม (tracheal systems)
· ในแมลงระบบท่อลม (tracheal
system) จะมีท่อลำเลียงอากาศที่แตกแขนงไปตามร่างกาย ท่อที่ใหญ่ที่สุดเรียกว่า trachea ซึ่งจะเปิดสู่ภายนอกได้ ท่อลำเลียงอากาศเล็กๆ
จะแตกกิ่งก้านไปยังเซลล์ต่างๆ
ก๊าซออกซิเจนจะแพร่ผ่านเนื้อเยื่อบุผิว (epithelium) ที่อยู่ปลายสุดของระบบท่อลม
2.2
Lungs (ปอด)
· มีเส้นเลือดฝอย (capillaries) โยงใยอยู่หนาแน่น
· เป็นที่แลกเปลี่ยนก๊าซ
· พบใน แมงมุม
หอยทาก สัตว์มีกระดูสันหลัง
2.3 ระบบหายใจในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม
· ปอดอยู่บริเวณอก (chest ) คล้ายฟองน้ำ มีพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตรในคน
· อากาศผ่านจากการหายใจเข้าทางจมูกสู่ pharynx ไป larynx
ไป trachea (ท่อลม) ไป
bronchus ไป bronchioles ไป
alveoli ซึ่งเป็นที่ๆ
มีการแลกเปลี่ยน O2 กับ CO2
· คนเราดึงอากาศเข้ามาในปอดด้วย negative pressure breathing = ดูดอากาศลงมาที่ปอด
· ปอดที่ขยายขึ้นเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อซี่โครงและ diaphragm ซึ่งเป็นแผ่นกล้ามเนื้อด้านล่าง ช่องว่างอกเลื่อนลง
· ปริมาณอากาศที่เราหายใจเข้า-ออก 1 ครั้ง เรียกว่า tidal volume ซึ่งประมาณ 500 ml ในคน
· ปริมาณอากาศที่เราหายใจเข้า-ออก 1 ครั้ง เรียกว่า tidal volume ซึ่งประมาณ 500 ml ในคน
· ปริมาณอากาศที่เราสามารถหายใจเข้าออกได้มากที่สุดเรียกว่า vital
capacity ซึ่งจะประมาณ
3400 ml และ 4800
ml ในผู้หญิงและผู้ชายตามลำดับ
· อย่างไรก็ตามอากาศใน alveoli จะไม่หมดไปเลยที่เดียว เมื่อเราหายใจออก อากาศที่เหลือ จากที่เราพยายามหายใจออกให้มากที่สุดแล้วเรียกว่า residual volume
· นกมีถุงลม 8 – 9 ถุง ซึ่งจะต่อเข้าไปในส่วนบริเวณ ท้อง
คอ จนถึงปีก ถุงลมช่วยในการผ่านอากาศสู่ปอด และช่วยในการบิน ในนกมีท่อเล็กๆ เรียก parabronchi แทนที่จะเป็น alveoli
3. การควบคุมการหายใจ
·
Breathing control centers
อยู่ที่สมองส่วน Medulla oblongata
กับ Pons
·
Medulla’s center ควบคุมจังหวะการหายใจพื้นฐานร่วมกับ pons เมื่อเราหายใจลึกๆ จะมีตัว sensors ที่ lung
tissue ส่งกระแสประสาทมาที่ medulla ยังยั้ง breathing control
center ไม่ให้ปอดขยายมากเกินไป
·
Medulla’s control center
ยังคอยรักษาระดับ CO2 ซึ่งจะมีค่า pH
ในเลือดเป็นตัวบอก (CO2 + H2O ® carbonic
acid (H2CO3) ®
pH ลดลง ถ้า
pH ในเลือดลดลงจะทำให้หายใจเพิ่มขึ้น
4. การแพร่ของก๊าซในปอดและอวัยวะต่างๆ
·
partial pressure ของ O2 = ความดันมาตรฐานระดับน้ำทะเล
(760 mm Hg) ´
% O2 ในอากาศ
= 760 ´ 0.21 = 160 mm ปรอท
· ก๊าซจะมีแพร่จากที่ๆ higher partial pressure
ไปใน lower partial
pressure
· partial pressure ของ O2 ที่เราหายใจเข้า (inhaled air) เท่ากับ 160 mm ปรอท
5. การขนส่งก๊าซโดย respiratory pigments
5.1
การขนส่ง O2
· ใน arthropods และ mollusks เลือดมีสีน้ำเงินเกิดจาก hemocyanin (ที่มี Cu2+ เป็นสีฟ้า) ซึ่งเป็นโปรตีนที่คอยขนส่ง O2 ในสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ส่วนในสัตว์มีกระดูกสันหลังมี hemoglobin ซึ่งประกอบด้วย 4
subunits ย่อยๆ แต่ละ subunit จับกับ 1 cofactor (heme) ซึ่งจะเรียกเป็น 1 hemogroup และจะมี ion atom (Fe2+) อยู่ที่ศูนย์กลาง hemogroup ด้วย แต่ละ hemoglobin molecule
สามารถจับกับ O2 ได้ 4 โมเลกุล (molecules)
· ถ้า pH ในเลือดลดลง การจับของ hemoglobin กับ
O2 จะลดลงด้วย
เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Bohr shift
5.2
การขนส่ง CO2
·
hemoglobin ยังช่วยขนส่ง
CO2 และรักษาระดับ pH ในเลือด
· 70 % ของ CO2 ในเลือดอยู่ในรูปของ bicarbonate ions (HCO3-) เมื่อมีการแพร่ของ CO2 ออกจากเลือดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสมดุลย์ทางเคมี ทำให้ H2CO3 เปลี่ยนเป็น CO2 เมื่อเลือดเคลื่อนเข้าสู่เส้นเลือดฝอย
capillaries
6. สัตว์บางชนิดมีการเก็บ O2
ไว้ได้
· แมวน้ำสามารถเก็บ O2 ไว้ได้
· แมวน้ำมีเลือดถึง 24 ลิตรสามารถเก็บ O2 ไว้ได้มากกว่าเรา ดำน้ำได้เกือบ 1 ชั่วโมง
· แมวน้ำมีเลือดถึง 24 ลิตรสามารถเก็บ O2 ไว้ได้มากกว่าเรา ดำน้ำได้เกือบ 1 ชั่วโมง
· คนในปอดมี O2 36 % ในเลือดมี O2 51 % เทียบกับแมวน้ำซึ่งมี O2 ในปอด 5 %
ในเลือด 70
% อาจเนื่องมาจากแมวน้ำมีเลือดมากกว่าเรา
2 เท่า
เมื่อเทียบตามน้ำหนักตัวและมีม้ามที่เก็บเลือดได้ถึง 24 ลิตร
· นอกจากนี้สัตว์ที่ดำน้ำได้เก่งๆ จะมีโปรตีนชื่อ myoglobin ในกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นที่เก็บ O2 ซึ่งในแมวน้ำสามารถเก็บ
O2 ไว้ในกล้ามเนื้อนี้ประมาณ 25 % เทียบกับคนเพียงแค่ 13 %
· นอกจากนี้ hemoglobin ของทารกในครรภ์ยังจับกับ O2 ได้ดีกว่า
_______________________________________________________________________
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น